The Glorious Revolution: A Turning Point in British Monarchy and Parliament's Rise

ในประวัติศาสตร์อันยาวนานของสหราชอาณาจักร มีเหตุการณ์สำคัญมากมายที่ได้ทิ้งร่องรอยไว้บนเส้นทางการเมืองและสังคมอย่างลึกซึ้ง และหนึ่งในเหตุการณ์นั้นก็คือ “The Glorious Revolution” ซึ่งเป็นการปฏิวัติที่เกิดขึ้นโดยไม่มีการหกเลือด โดยมีพระเจ้าวิลเลียมที่ 3 และราชินีแมรีที่ 2 เป็นผู้ครองบัลลังก์
From Monarchy to Constitutionalism: Setting the Stage for Modern Britain
ก่อนที่จะมาถึง The Glorious Revolution ในปี ค.ศ. 1688 สหราชอาณาจักรปกครองด้วยระบอบสมบูรณาญาสิทธิ patriarchal ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงดำรงอำนาจสูงสุด และมีอิทธิพลเหนือรัฐสภาอย่างมาก เจมส์ที่ 2 พระมหากษัตริย์ในขณะนั้น เป็นผู้ที่มีความเชื่อทางศาสนาคาทอลิกอย่างหัวรั้น ซึ่งเป็นข้อพิพาทใหญ่หลวงในสังคมอังกฤษที่ส่วนใหญ่ยึดถือศาสนาแAnglican
เจมส์ที่ 2 มีนโยบายที่สร้างความไม่พอใจให้แก่ขุนนางและประชาชนจำนวนมาก อาทิ การละเมิดสิทธิของรัฐสภา การแต่งตั้งข้าราชการคาทอลิก และการพยายามที่จะบังคับให้ประชาชนนับถือศาสนาคาทอลิก นโยบายเหล่านี้ทำให้ความไม่พอใจสะสม และเป็นชนวนเหตุของ The Glorious Revolution
Enter William and Mary: An Invitation to Rule
กลุ่มขุนนางที่ไม่พอใจต่อเจมส์ที่ 2 จึงตัดสินใจเชิญวิลเลียมแห่งออarangge ซึ่งเป็นกษัตริย์ชาวฮอลแลนด์และหลานของพระเจ้าเจมส์ที่ 1 มาขึ้นครองบัลลังก์อังกฤษ
วิลเลียมซึ่งเป็นโปรเตสแตนท์ และแต่งงานกับแมรี ธิดาของเจมส์ที่ 2 ตกลงที่จะยอมรับคำเชิญจากขุนนางอังกฤษ และเดินทางมายังอังกฤษพร้อมทัพ
เจมส์ที่ 2 พยายามที่จะต่อต้านการขึ้นครองบัลลังก์ของวิลเลียม แต่ไม่ประสบความสำเร็จ และ अंतที่สุดทรงต้องหลบหนีไปยังฝรั่งเศส
The Aftermath: A New Era for Britain
การมาถึงของวิลเลียมและแมรีนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอังกฤษ The Glorious Revolution ได้สร้างเสถียรภาพทางการเมืองให้กับประเทศ และทำให้เกิดระบอบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ
พระเจ้าวิลเลียมที่ 3 และราชินีแมรีที่ 2 ตกลงที่จะยอมรับ “Bill of Rights” ซึ่งเป็นเอกสารสำคัญที่กำหนดอำนาจของพระมหากษัตริย์ และสิทธิของประชาชน
Bill of Rights บัญญัติให้พระมหากษัตริย์ต้องได้รับความยินยอมจากรัฐสภาในการออกกฎหมายและเก็บภาษี นอกจากนี้ Bill of Rights ยังรับรองสิทธิของพลเมือง เช่น สิทธิในการอภิปรายในรัฐสภา และสิทธิในการปฏิเสธการลงโทษที่โหดร้าย
The Legacy of The Glorious Revolution: A Blueprint for Modern Democracy
The Glorious Revolution เป็นเหตุการณ์สำคัญที่ได้เปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองของอังกฤษอย่างสิ้นเชิงและเป็นแรงบันดาลใจให้กับการปฏิวัติครั้งอื่น ๆ ในยุโรปและทั่วโลก
การจำกัดอำนาจของพระมหากษัตริย์ และการสถาปนาอำนาจของรัฐสภาเป็นพื้นฐานสำคัญของระบอบประชาธิปไตยสมัยใหม่
The Glorious Revolution ยังช่วยยกระดับสถานะของพลเมือง และเปิดทางให้มีการปกครองที่ยุติธรรมและมีส่วนร่วม
Francis Bacon: A Figure of Renaissance Brilliance
ในบรรดาบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์อังกฤษ Francis Bacon ถือเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญอย่างมากในการปูทางไปสู่สมัยวิทยาศาสตร์สมัยใหม่
Bacon เป็นนักปรัชญา นักวิทยาศาสตร์ และนักการเมืองที่โดดเด่น เขาเกิดเมื่อวันที่ 22 มกราคม ค.ศ. 1561 และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 9 เมษายน ค.ศ. 1626
Bacon เชื่อว่าความรู้จะต้องมาจากการสังเกตและการทดลอง ซึ่งเป็นแนวคิดที่ขัดกับวิธีการของ Aristotelian ที่ครอบงำวงการวิชาการในยุคนั้น
Bacon’s Contributions: Shaping the Scientific Method
Bacon เป็นผู้ริเริ่ม " méthode inductif" หรือ “scientific method” ที่เน้นการสังเกตการณ์ การทดลอง และการอนุมาน
แนวคิดของ Bacon ได้มีอิทธิพลอย่างมากต่อการพัฒนาของวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ และช่วยให้เกิดการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ที่สำคัญมากมาย
นอกจากบทบาทในวงการวิทยาศาสตร์แล้ว Bacon ยังเป็นนักเขียนและนักกฎหมายที่มีชื่อเสียง
เขาได้แต่งงานกับ Anne Cooke และมีลูกชาย 2 คน
Bacon เสียชีวิตด้วยโรคไข้ปอด ซึ่งเชื่อว่าเกิดจากการทดลองกับไก่เพื่อศึกษาการอนุรักษ์เนื้อสัตว์
The Enduring Legacy of Francis Bacon
Francis Bacon ถือเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญที่สุดของประวัติศาสตร์อังกฤษ
แนวคิดของเขามีอิทธิพลอย่างลึกซึ้งต่อการพัฒนาของวิทยาศาสตร์และศาสนา
Bacon เป็นตัวอย่างของความฉลาด ความเป็นสากล และจิตวิญญาณแห่งการค้นคว้า
The Glorious Revolution และ Francis Bacon เป็นสองตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของอังกฤษในประวัติศาสตร์